วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

อำลาอาลัย



ในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน 2551 ที่ผ่านมานี้ โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จ.เพชรบุรี

ได้จัดงาน วันเกษียณอายุ ของคุณครู ในวันนั้นลูกศิษย์ได้แสดงวันรัก

และความกตัญญูต่อคุณครูและบุคลากรในโรงเรียน

สำหรับดิฉันแล้ว ได้ไปกราบอาจารย์สุนันท์ อาจารย์สุวนีย์ พี่โป้ง และ อาจารย์กานดา

ตอนนั้นเพื่อนๆทุกคน ซึ้งจนน้ำตาไหลออกมา

วันนั้น ประทับใจจริงๆๆ และจะจดจำวันและเวลาดีๆอย่างตลอดไป ^^

และในวันเดียวกันนั้น ครูสอนภาษาต่างประเทศก็ได้ย้ายไปสอนที่อื่นๆๆ

ฉันและเพื่อนๆได้ถ่ายรูปกับ Jean ด้วย

วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551

9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์

9 เทคนิค ฝึกสมองไบรท์

1จิบน้ำบ่อยๆ:สมองประกอบด้วยน้ำ 85% เซลล์สมองก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการนำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหียว ถ้าไมอยากให้เซลล์สมองเหียวซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออกแต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อยๆ

2กินไขมันดี:คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนสื่งที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เซลล์ชุ่ม ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น

3นั่งสมาธิวันละ12นาที:หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ12นาที เพื่อสมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุดๆ ทำให้สมองมี Mental lmagery สามารถจิตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

4ใส่ความตั้งใจ:การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่จริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

5หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ:ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

6เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน:สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ไปเรื่อยๆเมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

7ให้อภัยตัวเองทุกวัน:ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง

8เขียนบันทึก Graceful Journal:ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวัน ลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดีๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

9ฝึกหายใจลึกๆ:สมองใช้ออกซิเจน 20-20% ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกายการฝึกหายใจเข้าลึกๆจึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซวิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น การฝึกหายใจเข้าลึกๆ อาจหาเวลายืนหรือยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก20%

การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม

ที่มา : www.yenta4.com

วันอังคารที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2551

D@ily diarY

D@ily diarY
วันนี้อากาศไม่เป็นใจอีกวันหนึ่ง ความเครียดเริ่มมาเยือนที่ละนิด

สงสัยว่าคงจะต้องรอลุ้น คงแล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิต 7-7

ไหนจะใกล้สอบแล้วซินะ ในช่วงสัปดาห์ก่อนสอบ ก็มีทั้งเร่งเรียนและเร่งสอบ

เพื่อไม่ให้ Stress ไปมากกว่านี้ เรามาอ่านๆ บทความดีๆๆ กันดีกว่านะ ^^

การจัดการกับความเครียด

เราจึงควรทำความเข้าใจกับความเครียดเพื่อจะได้เป็น “นาย” ไม่เป็น “บ่าว” ของความเครียด
ข้อแรก ความเครียด คือ สภาพความไม่สบายกายหรือความไม่สบายใจ อันอาจเกิดจากสภาพแวดล้อม หรือจิตคิดไปเอง

ความไม่สบายอารมณ์หรือความไม่สบายกาย เนื่องจากการถูกตำหนิ ความร้อน ความหนาว ฯลฯ เปรียบเหมือนน้ำ จิตเปรียบเหมือนเรือ ถ้าเราไม่ตักน้ำเข้าเรือ ถ้าเรือไม่รั่ว เรือจะลอยเหนือน้ำเสมอ แต่ถ้าตักน้ำเข้าเรือ หรือจิตอ่อนไหว จิตรั่ว น้ำเข้า เรือก็ล่ม จิตก็หลอน
“ไม่มีทุกข์ใดร้ายเท่าเราคิดไปเอง
ไม่มีสุขใดจะสุขเท่าเราคิดเมตตา
ไม่มีทุกข์ใดร้ายเท่าเราอิจฉา
ไม่มีสุขใดจะสุขเท่าเราคิดมุทิตา
ความสุข ความทุกข์ มีได้ เมื่อใจคิด
ถูกหรือผิด คิดได้ ดังใจหวัง
ขอดวงใจ เป็นคนดี มีพลัง
จนกระทั่ง ใจหมดโศก หมดโรคภัย(ใจ)” http://dental.psu.ac.th/mind/index.php
ข้อสอง ความเครียดเป็นทั้งบวกและลบ ในแง่บวก เป็นแรงกดดันให้เกิดความคิดสร้างสรร เป็นพลังให้ดิ้นรนต่อสู้ ดังคำว่า ความคิดล้ำเลิศ เกิดใต้คมกระบี่ หรือ Necessity is the mother of inventiveness หรือตำราว่า Only the Paranoid Survive
ความเครียดที่พอเหมาะเป็นยาชูกำลัง ถ้าเราจะเครียด ขอให้เครียดในเรื่องควรเครียด เรื่องที่คุ้มค่าจะเครียด ควรมีครบสามองค์ประกอบ คือ หนึ่ง เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเราหรือคนใกล้ชิด สอง เป็นเรื่องใกล้ตัว ไม่ไกลตัว เห็นผลในอนาคตอันใกล้ และสาม เป็นเรื่องที่เราสามารถแก้ไขป้องกันได้ และถ้าไม่แก้ไข ไม่ป้องกัน จะเกิดปัญหาตามมา การเครียดกังวลในเรื่องการเรียนแต่พอควรตั้งแต่เปิดภาคเรียนเป็นเรื่องดี เพราะจะกระตุ้นให้เราไม่ประมาท เตรียมพร้อม ศึกษาค้นคว้าล่วงหน้า
ในแง่ลบ ความเครียดทำร้ายร่างกายหรือจิตใจในระยะยาว บางครั้งทำให้เกิดโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาด ความเครียดคั่งค้างและสะสมในกายและจิตได้นานกว่าความโกรธ จำไว้ “โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า เครียดคือทั้งโง่ทั้งบ้า”
อย่าเครียดเรื้อรัง อย่าเครียดในเรื่องหยุมหยิม เรื่องไม่เป็นเรื่อง เรื่องที่ตัวเองไม่สามาถแก้ไขหรือป้องกันได้ หรือเรื่องอนาคตไกลตัว ตัวอย่างของเรื่องไม่ควรเครียด เช่น สอบไปแล้ว กลับมากังวลในผลการสอบ ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้
ความเครียดจึงเป็นได้ทั้งมิตรหรือศัตรู ขึ้นอยู่กับเราจะ แปรมิตรเป็นศัตรู หรือแปรศัตรูเป็นมิตร
ข้อสาม เราทุกคนมีความเครียด น้อยบ้าง มากบ้าง ต่างระดับกัน
ความเครียดมีสามระดับ คือ หนึ่ง ระดับ “ปกติ” เช่น เครียดขณะทำงาน เครียดระหว่างรอผลการสมัครสถานศึกษา เป็นต้น สอง ระดับ “เสียสมดุล” เครียดจนปวดตัว กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ระดับนี้เป็นโทษ ต้องปรับตัว และสาม ระดับ “เสียศูนย์” เรียนไม่ได้ ทำงานไม่ได้ คุยกับใครก็ไม่ได้ ไม่อยากมีชีวิต ระดับนี้ต้องปรึกษาแพทย์โดยด่วน
ความเครียดระดับที่เป็นโทษ มีอาการที่สังเกตได้ทั้งจากอารมณ์ ความคิด กิริยาท่าทาง และคำพูด ทางอารมณ์ จะเป็นคนไม่มีความสุข ขี้หงุดหงิด ขี้โมโห ขี้น้อยใจ ขี้ผิดหวัง อย่างไม่มีเหตุผล ทางความคิด จะคิดฟุ้งซ่าน คิดแง่ลบ คิดซ้ำคิดซาก ขี้ลืม สับสน คิดทำร้ายตนเอง ความคิดสร้างสรรและความคิดสุนทรีย์น้อยลง ทางกิริยาท่าทาง จะหน้าบึ้ง ทอดสายตาไม่เป็นมิตร ขาดความอดทนต่อคนอื่น ทางคำพูด ถ้าจะพูด พูดห้วน กระด้าง พูดถากถาง พร้อมโต้แย้ง ถ้าไม่พูด จะเงียบเฉย
เมื่อทุกคนมีความเครียด ดังนั้น เวลาเราเครียด มีปัญหา ให้ปรึกษา ให้ระบาย อย่าอาย หรือเก็บไว้คนเดียว เพราะหลงคิดว่า เราเป็นคนเดียว
ข้อสี่ เราสามารถจัดการความเครียดให้อยู่ในระดับพอเหมาะได้ โดยการฝึกจิต ฝึกสมาธิ ทำให้จิตเสมือนเรือที่ลอยเหนือน้ำ
นายแพทย์เทอดศักดิ์ เดชคง สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต เสนอหลักการทำสมาธิเพื่อลดความ เครียดง่าย ๆ 3 ขั้นตอน คือ
“1. การหายใจลึกลงไปถึงท้อง (Abdominal Breathing)
2. การวางจิตใจไว้ที่ตำแหน่ง (ใต้สะดือ 1 3/4 นิ้ว)
3. คำภาวนาว่า หายใจเข้า "ผ่อน" หายใจออก "คลาย"
ส่วนรายละเอียด เช่น ท่าทาง (นอนทำ นั่งทำ) ทำนานเท่าไร ตอนไหน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ปฏิบัติ”
นอกจากฝึกจิตแล้ว เราอาจคลายเครียด โดยการหางานอดิเรกทำ ทำในสิ่งที่เราชอบ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย วาดรูป ฯลฯ
การพูดคุยกับคนรู้ใจ เพื่อนสนิท อาจารย์ที่ปรึกษา ญาติผู้ใหญ่ หรือชาว สนร. เพื่อจะระบาย พูดคุยสิ่งที่อัดอั้นตันใจ ก็เป็นอีกวิธีที่ได้ผล

ที่มา: http://www.oeadc.org/oea/e04e38e22e01e31e1a-e2de17e28/plonearticle.2006-03-27.5999847527

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

D@ily diarY

วันนี้เป็นวันที่มีความสุขวันหนึ่ง

วันนี้เราได้ทดลองโครงงานคณิตศาสตร์ด้วย ดีใจสุดๆๆเลย ที่แดดออก ^^

แต่พอตอนใกล้เที่ยงนี่สิ ฝนมากจากไหนก็ไม่รู้ๆ

เลยต้องรีบไปเก็บอุปกรณ์การทดลอง ง่าๆ

ขนาดฟ้ายังไม่เป็นใจ 555 ++ (โทษฟ้าฝนอีก ซะงั้นแหละ!! -w-)

ยังไงก็ตามโครงงาน ส่งอาทิตย์นี้ สู้ๆๆๆคะ

หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่เรารอคอย นั่นคือ วันสอบปลายภาคเรียนที่ 1 นั่นเอง

**ใกล้สอบแล้วก็อยากให้เพื่อนๆ ตั้งใจทำข้อสอบให้มากที่สุดเลยนะคะ

เพราะว่า คะแนนทุกคะแนนมีผลต่อเกรดเฉลี่ย ม.4-6 รวมทั้งการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาด้วยคะ**

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2551

Math Gifted










Math Gifted



วันนี้ได้ไปเรียนกิฟท์เลขที่โรงเรียนเป็นวันที่ 2 แล้วว

เนื้อหาที่เรียนวันมีถึง 4 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์,


อุปนัยเชิงคณิตศาสตร์, อสมการ และ ลำดับของจำนวนเชิงรูปเรขาคณิต


-w- เยอะชะมัดเลย!!


ในการเรียนนั้นแบ่งเป็น 2 ช่วงก้อคือ ช่วงเช้าและช่วงบ่าย


โดยอาจารย์ผู้สอน คือ อาจารย์ลักษมี(ครูหมี) และ ดร. รวี ซึ่งเป็นอาจารย์จากต่างโรงเรียน


นับว่าเป็นโอกาสที่ดีมากก สำหรับพวกเราที่ได้เรียนคณิตอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ^^


ครูหมีได้ตั้งคำถามกับพวกเราว่า...


เราเรียนคณิตศาสตร์แบบจำและนำเอาไปใช้หรือว่าเรียนแบบคิดและวิเคราะห์?

สำหรับตัวเราแล้ว คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ท้าทายบางสิ่งยากและต้องใช้การวิเคราะห์อย่างมากกว่าจะได้

คำตอบในข้อนั้น และในการเรียนคณิตในวันนี้ เราได้รู้สึกว่า เรายังต้องตั้งใจและพยายามอีกมากๆ สู้ๆๆคะ


"ถึงจะยากแค่ไหนสุดท้ายก็ไม่เกินความพยายาม"


และหลังจากการเรียนเสร็จ คณะครูที่โรงเรียนได้มอบสิ่งของให้ ครูหมีและ ดร. รวี เพื่อแทนน้ำใจ ที่สำคัญ


คือ พวกเราเด็กกิฟท์เลขได้ถ่ายรูปร่วมกันด้วยยยย เย้ๆๆ


วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

Where do you want to go? And What the weather do you want to go?

Where do you want to go? And What the weather do you want to go?

I would like to go to Norway in summer. Because It is interesting for me. and In summer the air is cool and have it rain. The temperature in summer about 20-25 degrees of celsiue. The month that warm most is Augest. Many things that would I like to meet are iceburg, penquin bird and the arctic ocean. And the most important that I will see the sun in the nighttime.
Norway is the famous that the midnight sun takes place because Earth is circle and round around axis itself. When, the Earth is slant to take the North pole meets the sun. The north pole will receive the light extremely. It will receive the light 24 hours for 1 month. The sun will run around as curve above horizon line. And it is lower queitly until almost horizon line but no pass the horizon. It will higher when midnight. It makes to have the light spread the way. It is like the sun in the morning or evening. The midnight sun at the north pole will take place above thw arctic-cercel line or about 66 degree latitudes are north. It makes the people to see the sun at the daytime or nighttime.

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2551

25 วิธีมีความสุขกับสิ่งรอบตัว

25 วิธีมีความสุขกับสิ่งรอบตัว

++25 วิธีมีความสุขกับสิ่งรอบตัว++

1. คิดใหม่ใช้ชีวิตราวกับว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย คนที่ป่วยหนักใกล้ตาย จะไม่ปล่อยเวลาให้สายเกินไปอีกแล้ว จะ ท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง หรือติดต่อพบปะเพื่อนฝูง เราทุก คนก็ควรตระหนักว่าอาจไม่มี “พรุ่งนี้ ” ก็ได้

2. จดบันทึก เขียนเล่าเรื่องถึงสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณทุกวัน การจดบันทึกช่วย แก้ปัญหาและขจัดเรื่องไม่ดีที่ รกสมองออกไปได้ด้วย

3. มองในแง่มุมอื่นบ้าง ลองคิดว่าคุณอยากให้คนอื่นจดจำคุณในด้านใด หรือหากวันหนึ่งต้องเล่า เรื่องชีวิตตนเองให้หลาน ๆ ฟังคุณจะเล่าอะไร แล้วคุณพลาดการนัดกับเพื่อน เพื่อไปดูหนัง ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อมอง ย้อนกลับไป

4. อย่าให้เรื่องเล็กน้อยกวนใจ ไม่คุ้มหรอกที่จะหัวเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง หากคนขับรถ ข้าง ๆ ไม่ยอมให้คุณเบียดเข้าเลน ก็ยิ้มและโบกมือให้เขา ไปเลย

5. ทำงานยากให้เสร็จ ลงมือได้แล้ว อย่าผัดวันประกันพรุ่ง โอ้เอ้ไปก็มีแต่ทำให้ หนักใจเหนื่อย กาย ไหน ๆ งานนี้ก็ต้องทำโดยไม่มีทาง หลีกเลี่ยง ก็น่าจะทำให้เสร็จ ๆ ไปเลย

6. เลิกทำตัวจำเจ ชีวิตคงน่าเบื่อหากทำอะไรซ้ำซากทุกวันทุกสัปดาห์ เราน่าจะมีเรื่องแปลก ใหม่มาทำให้หัวใจกระชุ่มกระช่วย บ้าง เปลี่ยนแปลงตัวเองด้านการแต่งกาย ทรงผม ทานอาหารรสชาดใหม่ๆ

7. อย่าเปรียบตัวเองกับคนอื่น ใครจะมีสระว่ายน้ำ บ้านหลังใหญ่ๆ รถหรูคันใหม่ไม่ต้อง สนใจ หากดูให้ดี ๆ คุณอาจพบว่าพวกเขาเหล่านั้นต้องทำ งานสัปดาห์ละเจ็ดวัน ไม่มีเวลาเจอคนในบ้านหรือเพื่อนฝูง หรืออาจต้องผ่อนหนี้สินไปอีกหลายสิบปี

8. กำจัดข้าวของรกบ้าน เสื้อผ้า ของเล่น หนังสือเก่า ที่ไม่ใช้แล้ว ยกไปบริจาคเถิด ได้บุญกุศล

9. รู้จักเอ่ยคำว่า “ ไม่ ” ไม่ต้องลงมือทำเองทุก เรื่องเพราะชีวิตคุณก็วุ่นวายพออยู่แล้ว

10. รดน้ำต้นรัก รักคู่ครองของคุณอย่างที่เขาเป็นที่คุณคิดว่าเขาเปลี่ยนไป นั้นเป็นความจริงหรือทุกอย่างเมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่งก็ ต้องบำรุงรักษาเป็นของธรรมดา ความสัมพันธ์ฉันสามี ภรรยาก็เช่นกัน ต้องมีการดูแลใจใส่กันบ้าง

11. อย่าให้ความคุ้นเคยกลายเป็นไม่ไว้หน้า หากคุณให้เกียรติเพื่อน หรือผู้อื่น คู่ครอง และคนใน ครอบครัว คุณก็ควรได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน

12. มอบความรักให้คู่ครอง ครอบครัว และเพื่อน ๆ อย่าเขินที่จะบอกคนเหล่านี้ว่า คุณ “ รัก ” พวกเขาตรงไหน เมื่อ เขาทำอะไรดี ๆ ก็กล่าวคำชื่นชม บ้าง คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยทำร้ายใคร

13. อย่ารับปรับทุกข์ทุกเรื่อง หากปัญหาของเพื่อนเริ่มมีผลกระทบต่อตัวคุณก็ไม่ต้องฝืน ทำตัวเป็นเสาหลักให้เขาพิงอยู่เรื่อยไป ให้เพื่อนหัดแก้ ปัญหาและก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยตัวเอง

14. ติดต่อเพื่อนเก่า ยังไม่สายเกินไปที่จะโทรศัพท์ ส่งอีเมล์ หรือเขียน จดหมายถึงเขา ส่ง SMS

15. บำรุงอารมณ์ด้วยสีเขียว ตัดดอกไม้สดจากสวน หรือตื่นแต่เช้าไปตลาดซื้อดอกไม้ ที่สดใสนำมาใส่แจกัน

16. ไปทะเลกันดีกว่า ทิวทัศน์กว้างไกล สายลม เกลียวคลื่น สองเท้าเปลือย เปล่าย่ำบนผืนทราย และแสงแดดลูบไล้แผ่นหลัง ไม่มีอะไรทำให้จิตใจเริงรื่นชื่นบานได้ดีกว่านี้อีกแล้ว

17. สร้างสรรค์ผลงาน จะเป็นภาพเขียน เย็บปักถักร้อย อบขนม จัดสวน หรือ อะไรก็ได้

18. สูดอากาศบริสุทธิ์ ออกไปข้างนอกหรือเปิดหน้าต่างกว้าง ๆ สูดหายใจให้เต็ม ปอด คุณจะรู้สึกว่าอากาศเสียถูกขับออกจากตัว

19. ออกไปเดินเล่น การออกกำลังกายเบา ๆ จะช่วยเติมชีวิตชีวาให้คุณทั้ง ร่างกายและจิตใจ

20. ดูหนังตลกและหัวเราะให้สบายใจ

21. ย้ายเครื่องเรือนและของแต่งบ้าน หรืออาจทาสีห้อง และผนังใหม่ด้วย

22. รอคอยสิ่งดี ๆ เช่น วันหยุดพักร้อน ออกท่องราตรี กับเพื่อนฝูง ไปดูหนัง ฟังเพลง หาร้านอาหารอร่อย ๆ ที่ ไม่เคยไป รอโทรศัพท์จากคนรู้ใจ

23. ชวนเพื่อน/ คนรู้จัก หรือใครก็ได้ มากินมื้อค่ำ จัดห้องโต๊ะอาหารที่บ้านให้แปลกไปจากเดิม เสริฟ์เครื่องดื่ม ค็อกเทล เปิดเพลงเสริมบรรยากาศ สนุกกับการเตรียม อาหาร ทุกคนจะปลาบปลื้มหากเห็นว่าคุณทุ่มสุดฝีมือ แล้วค่ำ คืนนั้นก็จะครึกครื้น

24. ยิ้มไว้ ยิ้มเป็นโรคติดต่อ ไม่เชื่อลองยิ้มดูสิ

25. ทำให้คนอื่นมีความสุขบ้าง ทำเพื่อตัวเองมามากแล้วก็น่าจะทำเพื่อคนอื่นบ้าง อาสาช่วยงานกุศล บริจาค พากันไปท่องเที่ยวหา ความสุข หรือช่วยทำอะไรก็ได้ที่ทำให้คนอื่นมีความสุข

^*เพียงเท่านี้การใช้ชีวิตให้สุดคุ้มก็ไม่ยากอย่างที่คิด*^

ที่มา : http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=64&post_id=1044174&order_reply=0

ข้อคิดดีๆ อ่านแล้วยิ้มได้นะ

ข้อคิดดีๆ อ่านแล้วยิ้มได้นะ

คำแนะนำ โปรดเก็บหน้านี้ไว้เสมอในคอมพิวเตอร์ของคุณ หากวันไหนต้องการข้อคิดดีๆ ให้เปิดอ่าน อ่านบ่อยๆ ไม่เสียหาย (เสียค่าไฟนิดหน่อย) จะช่วยให้เรามีแนวทางดำเนินชีวิตได้อีกเยอะเลยจ๊ะ ..เอ๊า เริ่มเลย
- นึกเสมอว่าการโกรธ 1 นาที จะทำให้ความทุกข์อยู่กับเรา 3 ชั่วโมง
- ถ้ายิ้มให้กับคนที่อยู่ในกระจก รับรองว่าเค้าต้องยิ้มตอบกลับมาทุกครั้งแน่
- หลับตานิ่งๆ ซัก 3 นาที เมื่อรู้สึกว่าอะไรตรงหน้ามันช่างยากจัง
- ระหว่างแปรงฟันถ้าฮัมเพลงด้วยไปจนจบจะทำให้ฟันสะอาดขึ้น 2 เท่าแน่ะ
- เคี้ยวข้าวแต่ละคำให้ช้าลง จากที่รสชาติธรรมดาก็จะอร่อยขึ้นเยอะ
- ควรหัดพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ให้เคยปากมากกว่าการพูดคำว่า “จะเอายังไง”
- สัตว์เลี้ยงที่บ้านเก็บความลับเก่ง เรื่องที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ สามารถเล่าให้มันฟังได้นะ
- อาหารที่ไม่ชอบกินตอนเด็ก ลองตักเข้าปากอีกที เผื่อจะกลายเป็นอาหารจานโปรด
- เขียนชื่อคนที่เธอเกลียดใส่กระดาษแล้วฉีกทิ้ง ความเกลียดจะเบาบางลงเรื่อยๆ
- ปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่ต้องเช็ด เมื่อน้ำตาแห้ง จะดูไม่ออกว่าเพิ่งร้องไห้มา
- ก่อนจะซื้ออะไรก็ตาม ต้องคิดหาประโยชน์ของมันให้ได้อย่างน้อย 3 ข้อก่อน
- ถึงเสื้อกางเกงในตู้จะมีอยู่น้อย แต่ถ้าสลับกันไปเรื่อยๆ ก็ดูเหมือนจะเยอะขึ้น
- เลือกให้ของขวัญคนที่ไม่เคยได้รับ ดีกว่าคนที่ได้รับเยอะจนจำชื่อคนให้ไม่หมด
- ในวันที่รู้สึกเศร้าๆ เหงาๆ เดินไปซื้อดอกไม้ให้ตัวเองสักดอกแล้วจะรู้สึกดีขึ้น
- แอบรักใครสักคน ยังไงก็ดีกว่าไม่เคยรู้ว่า “ความรัก” เป็นยังไง
- ถึงจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ ไม่ได้นี่
- พยายามอ่านหนังสือทุกชนิดในมือให้จบเล่ม อาจไม่สนุกแต่มีประโยชน์แฝงอยู่
- วันที่ตื่นเช้าๆ ให้บิดขี้เกียจนานที่สุดเท่าที่จะทำนานได้ ถ้าขี้เกียจออกกำลังกายน่ะ
- รู้รึเปล่าว่าดอกไม้ที่บานอยู่กับต้น ยังไงก็อยู่ได้นานกว่าบานในแจกัน
- ทะเลาะกับใครๆ พร้อมรอยยิ้ม เรื่องราวจะจบง่ายกว่าที่คิดเยอะ
- เอารูปตัวเองตอนเด็กๆ มาดูตอนเครียด อารมณ์จะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
- พยายามหาข้อบกพร่องของคนที่เธออิจฉา อย่างน้อยก็มีข้อปลอบใจตัวเองบ้าง
- โทรไปหาแฟนแล้วพูดแค่คำเดียวว่า “คิดถึง” พอวางสายแล้วต้องยิ้มทั้งคู่
- ในวงสนทนาถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะคุยอะไร รอยยิ้มสามารถช่วยแก้สถานการณ์ได้
- ค่อยๆ เดินทอดน่องแบบสบายๆ ในวันที่ไม่มีธุระให้ต้องไปสะสาง
- ซื้อของฝากทุกคนในบ้าน ก็เหมือนกับการซื้อของฝากตัวเองนั่นแหละ
- จะหน้าตายังไงก็แล้วแต่ ถ้าทิ้งขยะลงพื้น ก็กลายเป็นขี้เหร่ได้ทันตาเห็น
- นั่งสมาธิให้นานๆ และบ่อยๆ ก็ทำให้ผิวสวยขึ้นได้เหมือนกัน
- นอกจากตอนที่เคี้ยวข้าวแล้ว ไม่ว่าก่อนหรือหลังกินก็หัวเราะได้อร่อย
- จินตนาการถึงเรื่องที่อยากมีหรืออยากเป็น คือยานอนหลับอย่างหนึ่ง
- อ่านหนังสือหรือการ์ตูนโปรดเป็นการเติมน้ำมันให้ตัวเองอย่างดี
- ยังไม่มีใครเคยแย้งว่า การอาบน้ำไม่สามารถคลายเครียดได้จริงๆ
- ก่อนจะด่าใครให้นับ 1 ถึง 50 เผลอๆ อาจจะไม่อยากด่าแล้วก็ได้
- ไม่ต้องทำยังไงกับเพื่อนที่หักหลัง ก็แต่อย่าเรียกเค้าว่าเพื่อนก็พอแล้ว
- รักครั้งแรกส่วนใหญ่ก็อกหักทั้งนั้น น่าจะดีใจที่ไม่แปลกกว่าชาวบ้านเค้า
- การที่ทำของหายอาจเป็นการใช้หนี้จากชาติที่แล้วให้คนอื่นที่เก็บมันได้
- ถึงจะไม่มีเงินอยู่ในกระเป๋าซักบาท ยังดีกว่าไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ตั้งเยอะ
- หนี้ที่โดนเบี้ยวไป ทำให้เรารู้จักใครบางคนดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้เวลามาก
- คนอื่นไม่เข้าใจเราไม่เห็นแปลก ในเมื่อเราก็ไม่เข้าใจคนอื่นเหมือนกัน
- ไม่ต้องช่วยใครๆ ด่าตัวเอง ถ้าสิ่งที่ทำไปแน่ใจว่าพยายามเต็มที่แล้ว
- วิ่งให้เหนื่อยมากๆ ความโกธรจะได้ถูกขับออกมาพร้อมกับเหงื่อ
- ถ้ากลัวจะนอนฝันร้าย สวดมนต์ก่อนนอนเหมือนตอนเด็กๆ ดูสิ
- ของฝากสำหรับคนห่างไกล คือการโผล่ไปเซอร์ไพรส์ด้วยตัวเอง
- เพลงจังหวะมันๆ ทำให้คนฟังกระปรี้กระเปร่าได้โดยอัตโนมัติ
- อย่าเดาว่าอะไรอยู่ในกล่องของขวัญ แล้วจะไม่รู้จักคำว่าผิดหวัง
แหล่งที่มาจาก FW
แหล่งที่มา : http://www.yenta4.com/webboard/viewtopic.php?cate_id=78&post_id=1267047

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

Crossword

http://bigs15.winningthai.net/download.php?file=91426.htm

ลองเข้าไปเล่นกันดูนะคะ ^^