วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ข้อดีของการสอบตก - ข้อเสียของการสอบผ่าน

เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ นอกจากจะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฏาคมแล้ว ยังเป็นสัปดาห์หลังสอบของหลายๆคนด้วย ซึ่งช่วงสัปดาห์นี้แหละนะที่คงจะได้รู้แล้วว่า เราทำคะแนนสอบกลางภาคกันได้เท่าไหร่...
คนที่สอบผ่าน ได้คะแนนสูงสมใจ พี่ลาเต้ ก็ยินดี และดีใจด้วยนะครับ...ส่วนคนที่คะแนนอาจจะน้อยจนได้ขึ้นชื่อว่า "สอบตก"...ก็อย่าเพิ่งเสียใจไป เพราะการสอบตก ก็มีข้อดีเหมือนกัน(อิอิ)..ไม่เชื่อมาลองอ่านดูครับ เป็นบทความของ น้อง Rakung ที่เขียนไว้ในหมวดไรท์เตอร์ครับ..น่าสนใจมากๆ

ข้อดีของการสอบตก
1. เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันภายในจิตใจของเรา เวลาเราได้คะแนนน้อย เราจะได้ไม่เกิดอาการซึมเศร้าจนเกินไป
2. เป็นการประเมินตัวเองในระดับหนึ่ง ทำให้เราทราบถึงข้อบกพร่องของตัวเอง จะได้แก้ไขได้ตรงจุด
3. การซ่อม ถือว่าเป็นการทบทวนการทำข้อสอบของเราอีกครั้งหนึ่ง จะได้เป็นอุทาหรณ์ แล้วเราจะได้ไม่พลาดอีก หรือถ้าให้ทำงานอื่นส่ง ก็เพื่อเป็นการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของเราให้ดีขึ้น
4. คิดไว้เสมอว่า พลาดตอนนี้ ดีกว่าไปพลาดตอนสอบแอดมิชชั่น (จริงไหม)
ข้อเสียของการสอบผ่าน
1. ถ้าเราไม่เคยตกเลยสักครั้ง เราก็จะไม่มีภูมิคุ้มกันความโศกเศร้าเสียใจ ซึ่งก็เป็นสาเหตุเด่นๆ ที่ทำให้เด็กเรียนเก่งฆ่าตัวตายมาแล้วหลายคน (ใช่รึเปล่า)
2. การแข่งขันก็จะยิ่งปรากฏให้เห็นได้ชัด เพราะ ถ้าเราสอบผ่าน แต่เพื่อนอีกคนนึงสอบผ่านเหมือนกัน แต่ดันได้คะแนนเยอะกว่าเรา ใจเราก็จะเริ่มคิดหาวิธีให้ตัวเองสอบได้คะแนนดีกว่าเพื่อนแล้ว เนี่ยแหละ ความทุกข์ความอยาก มันเกิดขึ้นที่ใจเราเป็นต้นเหตุทั้งนั้น
3. อาจจะทำให้เราประหม่าในเวลาสอบครั้งต่อไป เพราะใจเรามัวแต่คิดว่า “ยังไง เราก็สอบผ่าน” แล้วเราก็ขาดความกระตือรือร้นไปโดยปริยาย
4. การที่เราสอบผ่าน ขอให้ถามตัวเองดีๆว่า เราผ่านด้วยความสามารถของตัวเองรึเปล่า ถ้าคำตอบคือไม่ เราก็จะไม่ได้อะไรจากการสอบในแต่ละครั้งเลย
จริงที่สุดเลยครับ..โดยเฉพาะข้อ 4 ของข้อเสียในการสอบผ่าน..แต่อย่างไรตาม..ก็ขอให้ชาวเด็กดีดอทคอมสู้ต่อไปนะครับ..บทความนี้ไม่ได้มุ่งชักจูงใจให้น้องๆหันมาสอบตกกันนะครับ..อิอิ..แต่เพื่อเป็นกำลังใจกับเพื่อนๆที่อาจจะเสียใจจากการสอบอยู่นั้นเองครับ..งั้นสอบครั้งหน้า ขอให้ชาวเด็กดี ได้เกรด 4 ทุกวิชาเลย..ดีไหมครับ..อิอิ..
พี่ลาเต้ขอขอบคุณข้อมูลจากบทความบันทึก[ลับ]เด็กวิทย์ หัวใจศิลป์

ที่มา: http://www.dek-d.com/content/view.php?id=9875

อย่างไรก็ตาม เราควรทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ดี ด้วยความตั้งใจและความพยายาม บวกกับความขยันหมั่นเพียรรับรองว่า คะแนนสอบที่ออกมาต้องดีอย่างแน่นอน สู้ๆๆคะ ^^

วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

นิทานตำนานเมืองเพชร เรื่อง ชาวลับแลที่ถ้ำแกลบ


ตำนานชาวลับแลที่ถ้ำแกลบ

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีคนพบกองแกลบอยู่ตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง หลายคนเข้าใจว่าเป็นของคนเมืองลับแล ซึ่งเป็นเมืองในตำนานที่จะพบได้โดยบังเอิญเท่านั้นและคนของเมืองนี้ก็สามารถหายตัวได้เมื่อใดก็ได้ถ้าต้องการ
ในเวลานั้นมีชายคนหนึ่งผู้ซึ่งบังเอิญปีนขึ้นไปบนต้นตาลเพื่อชมวิวบริเวณนั้น เมื่อมองลงมาจากยอดตาล เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังหาบของออกมาจากถ้ำและเดินออกไปสักครู่หนึ่งก็เอาสิ่งของนั้นซ่อนไว้ใกล้ ๆ นั้นแล้วก็พากันหายตัวไปและก็เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน เขาประหลาดใจมากที่ได้เห็นอาการแปลก ๆ ของคนเหล่านี้
วันหนึ่งด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงแอบอยู่ในพุ่มไม้และเฝ้าดูอาการเคลื่อนไหวที่ถ้านั้น และก็ได้พบคนกลุ่มนั้นออกมาจากถ้ำอีก พวกเขาเดินไปสักพักหนึ่ง ก็ซ่อนของบางอย่างไว้แล้วก็พากันหายตัวไป ชายคนนั้นจึงเดินไปดูจุดที่คนเหล่านั้นซ่อนสิ่งของไว้ แต่ก็น่าขันที่เขาพบแต่เพียงใบไม้ ดังนั้นเขาจึงหยิบขึ้นมาใบหนึ่งแล้วโยนทิ้งไปใต้ต้นตาลนั้นแล้วก็นั่งเฝ้าดูอยู่แถวนั้น
ต่อมาเขาก็เห็นคนเหล่านั้นกลับมา พวกเขาหาอะไรอยู่แถวนั้นแล้วก็หายตัวไป คงเหลือแต่หญิงสาวคนหนึ่งร้องไห้อยู่ เขาจึงเข้าไปถาม นางจึงบอกกับเขาว่านางหาใบไม้ที่ซ่อนไว้ไม่พบ ชายคนนั้นจึงเดินไปหยิบใบไม้มาส่งให้นาง หลังจากได้ใบไม้คืนมานางดีใจมากและบอกเขาว่านางเป็นใครมาจากไหน และถ้าไม่มีใบไม้นี้นางก็จะกลับบ้านไม่ได้ เมื่อได้เห็นความงามของหญิงสาว เขาก็ตกหลุมรักของนาง ถึงแม้ว่าเขาจะมีภรรยาอยู่ที่บ้านแล้วก็ตาม ดังนั้นเขาจึงออกปากชวนนางไปเที่ยวบ้านแต่ว่าหญิงสาวปฏิเสธ แต่ถึงอย่างไรนางก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณชายคนนั้นที่นำใบไม้มาคืนให้นาง ดังนั้นนางจึงชวนเขาไปเที่ยวบ้านที่เมืองลับแลแทน ชายคนนั้นตอบรับคำเชิญโดยไม่รีรอ ในที่สุดทั้งสองก็เกิดชอบพอกันและแต่งงานกัน ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันจนกระทั่งมีลูกด้วยกัน
วันหนึ่งในขณะที่ภรรยาของเขาไม่อยู่บ้าน ลูกของเขาเกิดร้องหาแม่ขึ้นมา เขาไม่รู้จะปลอบลูกอย่างไรให้หยุดร้องไห้ได้ จึงหลอกลูกว่าแม่ของเขากลับมาบ้านแล้ว เด็กจึงหยุดร้องไห้แต่ก็เกิดร้องไห้ขึ้นมาอีกเมื่อไม่เห็นแม่ของตนตามที่บิดาบอก เสียงร้องรบกวนผู้เป็นแม่ยาย นางจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก เขาจึงบอกผู้เป็นแม่ยายว่าเขาโกหกลูกว่าเขาโกหกลูกว่าผู้เป็นแม่ของเขากลับมาแล้ว
พอได้ยินเท่านั้น แม่ยายของเขาโกรธมากเพราะคนเมืองลับแลห้ามไม่ให้พูดปด เมื่อลูกสาวของนางกลับมา นางจึงฟ้องลูกว่าเกิดอะไรขึ้นและบอกให้ไล่ลุกเขยไปเสีย
ด้วยความไม่พอใจในเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ เขาจึงเตรียมตัวออกจากบ้าน ภรรยาของเขาเสียใจมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก่อนที่สามีจะออกจากบ้านนางก็ส่งห่อรากขมิ้นให้ผู้เป็นสามีห่อหนึ่งในขณะที่เขาถือห่อขมิ้นเดินมาเรื่อย ๆ เขาก็รู้สึกว่าห่อขมิ้นนั้นหนักขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงทิ้งห่อขมิ้นไปคงถือมาเพียงขมิ้นแง่งเดียวเท่านั้น
เมื่อมาถึงบ้านเขาก็โยนแง่งขมิ้นนั้นไปบนพื้นหน้าบ้าน ภรรยาของเขาดีใจมากเมื่อได้พบสามีหลังจากที่เขาหายไป 2 – 3 ปี เมื่อมองไปที่พื้นนางก็เห็นรากขมิ้นแง่งหนึ่ง นางจึงหยิบขึ้นมาขัดและก็พบว่ามันเป็นทองคำบริสุทธิ์ นางจึงถามผู้เป็นสามีว่าได้มาอย่างไร แต่ผู้เป็นสามีก็ยืนยันว่ามันเป็นรากขมิ้นเท่านั้นที่เขาได้มา หลังจากดูใกล้ ก็พบว่าเป็นทองคำบริสุทธิ์ดังที่ภรรยาของตนพูด ดังนั้นเขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้เป็นภรรยาฟัง
ว่าแล้วเขาก็รีบไปยังที่ที่เขาโยนห่อขมิ้นทั้งหมดทิ้ง แต่ก็น่าแปลกใจที่เขาไม่พบอะไรเลยถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของภรรยาชาวเมืองลับแล นางดีต่อเขามากแต่เขาไม่มีบุญที่จะได้อยู่กับนางหรือได้เป็นเศรษฐีจากการขายรากขมิ้นทองคำ เขาจึงกลับบ้านและใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาเก่าอย่างมีความสุข แต่เขาก็ยังคงไม่ลืมเหตุการณ์ที่จะต้องจดจำไปตลอดชีวิต
แง่คิด : บุญวาสนาเป็นคุสมบัติเฉพาะตนจะผืนไม่ได้

ที่มา:
www.skn.ac.th/skl/project/nitan482/nu9.htm