วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2551

นิทานตำนานเมืองเพชร เรื่อง ชาวลับแลที่ถ้ำแกลบ


ตำนานชาวลับแลที่ถ้ำแกลบ

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีคนพบกองแกลบอยู่ตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง หลายคนเข้าใจว่าเป็นของคนเมืองลับแล ซึ่งเป็นเมืองในตำนานที่จะพบได้โดยบังเอิญเท่านั้นและคนของเมืองนี้ก็สามารถหายตัวได้เมื่อใดก็ได้ถ้าต้องการ
ในเวลานั้นมีชายคนหนึ่งผู้ซึ่งบังเอิญปีนขึ้นไปบนต้นตาลเพื่อชมวิวบริเวณนั้น เมื่อมองลงมาจากยอดตาล เขาเห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังหาบของออกมาจากถ้ำและเดินออกไปสักครู่หนึ่งก็เอาสิ่งของนั้นซ่อนไว้ใกล้ ๆ นั้นแล้วก็พากันหายตัวไปและก็เป็นอยู่อย่างนี้ทุกวัน เขาประหลาดใจมากที่ได้เห็นอาการแปลก ๆ ของคนเหล่านี้
วันหนึ่งด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาจึงแอบอยู่ในพุ่มไม้และเฝ้าดูอาการเคลื่อนไหวที่ถ้านั้น และก็ได้พบคนกลุ่มนั้นออกมาจากถ้ำอีก พวกเขาเดินไปสักพักหนึ่ง ก็ซ่อนของบางอย่างไว้แล้วก็พากันหายตัวไป ชายคนนั้นจึงเดินไปดูจุดที่คนเหล่านั้นซ่อนสิ่งของไว้ แต่ก็น่าขันที่เขาพบแต่เพียงใบไม้ ดังนั้นเขาจึงหยิบขึ้นมาใบหนึ่งแล้วโยนทิ้งไปใต้ต้นตาลนั้นแล้วก็นั่งเฝ้าดูอยู่แถวนั้น
ต่อมาเขาก็เห็นคนเหล่านั้นกลับมา พวกเขาหาอะไรอยู่แถวนั้นแล้วก็หายตัวไป คงเหลือแต่หญิงสาวคนหนึ่งร้องไห้อยู่ เขาจึงเข้าไปถาม นางจึงบอกกับเขาว่านางหาใบไม้ที่ซ่อนไว้ไม่พบ ชายคนนั้นจึงเดินไปหยิบใบไม้มาส่งให้นาง หลังจากได้ใบไม้คืนมานางดีใจมากและบอกเขาว่านางเป็นใครมาจากไหน และถ้าไม่มีใบไม้นี้นางก็จะกลับบ้านไม่ได้ เมื่อได้เห็นความงามของหญิงสาว เขาก็ตกหลุมรักของนาง ถึงแม้ว่าเขาจะมีภรรยาอยู่ที่บ้านแล้วก็ตาม ดังนั้นเขาจึงออกปากชวนนางไปเที่ยวบ้านแต่ว่าหญิงสาวปฏิเสธ แต่ถึงอย่างไรนางก็รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณชายคนนั้นที่นำใบไม้มาคืนให้นาง ดังนั้นนางจึงชวนเขาไปเที่ยวบ้านที่เมืองลับแลแทน ชายคนนั้นตอบรับคำเชิญโดยไม่รีรอ ในที่สุดทั้งสองก็เกิดชอบพอกันและแต่งงานกัน ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันจนกระทั่งมีลูกด้วยกัน
วันหนึ่งในขณะที่ภรรยาของเขาไม่อยู่บ้าน ลูกของเขาเกิดร้องหาแม่ขึ้นมา เขาไม่รู้จะปลอบลูกอย่างไรให้หยุดร้องไห้ได้ จึงหลอกลูกว่าแม่ของเขากลับมาบ้านแล้ว เด็กจึงหยุดร้องไห้แต่ก็เกิดร้องไห้ขึ้นมาอีกเมื่อไม่เห็นแม่ของตนตามที่บิดาบอก เสียงร้องรบกวนผู้เป็นแม่ยาย นางจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็ก เขาจึงบอกผู้เป็นแม่ยายว่าเขาโกหกลูกว่าเขาโกหกลูกว่าผู้เป็นแม่ของเขากลับมาแล้ว
พอได้ยินเท่านั้น แม่ยายของเขาโกรธมากเพราะคนเมืองลับแลห้ามไม่ให้พูดปด เมื่อลูกสาวของนางกลับมา นางจึงฟ้องลูกว่าเกิดอะไรขึ้นและบอกให้ไล่ลุกเขยไปเสีย
ด้วยความไม่พอใจในเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ เขาจึงเตรียมตัวออกจากบ้าน ภรรยาของเขาเสียใจมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ก่อนที่สามีจะออกจากบ้านนางก็ส่งห่อรากขมิ้นให้ผู้เป็นสามีห่อหนึ่งในขณะที่เขาถือห่อขมิ้นเดินมาเรื่อย ๆ เขาก็รู้สึกว่าห่อขมิ้นนั้นหนักขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงทิ้งห่อขมิ้นไปคงถือมาเพียงขมิ้นแง่งเดียวเท่านั้น
เมื่อมาถึงบ้านเขาก็โยนแง่งขมิ้นนั้นไปบนพื้นหน้าบ้าน ภรรยาของเขาดีใจมากเมื่อได้พบสามีหลังจากที่เขาหายไป 2 – 3 ปี เมื่อมองไปที่พื้นนางก็เห็นรากขมิ้นแง่งหนึ่ง นางจึงหยิบขึ้นมาขัดและก็พบว่ามันเป็นทองคำบริสุทธิ์ นางจึงถามผู้เป็นสามีว่าได้มาอย่างไร แต่ผู้เป็นสามีก็ยืนยันว่ามันเป็นรากขมิ้นเท่านั้นที่เขาได้มา หลังจากดูใกล้ ก็พบว่าเป็นทองคำบริสุทธิ์ดังที่ภรรยาของตนพูด ดังนั้นเขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้เป็นภรรยาฟัง
ว่าแล้วเขาก็รีบไปยังที่ที่เขาโยนห่อขมิ้นทั้งหมดทิ้ง แต่ก็น่าแปลกใจที่เขาไม่พบอะไรเลยถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของภรรยาชาวเมืองลับแล นางดีต่อเขามากแต่เขาไม่มีบุญที่จะได้อยู่กับนางหรือได้เป็นเศรษฐีจากการขายรากขมิ้นทองคำ เขาจึงกลับบ้านและใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาเก่าอย่างมีความสุข แต่เขาก็ยังคงไม่ลืมเหตุการณ์ที่จะต้องจดจำไปตลอดชีวิต
แง่คิด : บุญวาสนาเป็นคุสมบัติเฉพาะตนจะผืนไม่ได้

ที่มา:
www.skn.ac.th/skl/project/nitan482/nu9.htm

ไม่มีความคิดเห็น: