วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Thought Experiment

Thought Experiment

สุดยอดแห่งการคิดคือไม่คิด สุดยอดแห่งการสอนคือไม่สอน สุดยอดแห่งการปกครองคือไร้การปกครอง
และสุดยอดแห่งอื่นๆอีกมาก
หลักอันสวยงามแห่งเต๋าเหล่านี้ปรากฎอยู่ในนิยายกำลังภายในหลากหลายเรื่อง
ประโยคที่ดังๆ ก็เช่น "ที่สุดแห่งวรยุทธ์กระบี่คือไร้กระบี่ ไร้กระบวนท่า"
บางคนก็ว่างลึกซึ้งคมคาย บ้างก็ว่าเล่นคำกวนประสาทไร้สาระ
ว่าแต่วิทยาศาสตร์ล่ะมองปรัชญา "สูงสุดคืนสู่สามัญ" นี้อย่างไร

นานมาแล้วมนุษย์เราเชื่อกันว่า
สิ่งที่เรียกว่า "เวลา" ไม่มีอยู่จริง และเรารู้สึกไปเองว่ามันมีอยู่
จนกระทั่งทฤษฏีของ ไอแซค นิวตันได้นำเวลามาคำนวณเรื่องการเคลื่อนที่อย่างเป็นรูปธรรม
คนเราจึงเชื่อว่าเวลามีอยู่จริง และไหลดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอทั้งจักรวาล
แล้วทฤษฏีสัมพันธภาพของไอน์สไตน์ก็กำเนิดมาสะเทือนจักรวาลโดยการมองว่าเวลา
เป็นเพียงมิติที่วางอยู่นิ่งๆ
พวกเราและจักรวาลต่างหากที่เคลื่อนที่ไปบนกาลเวลา
และในปัจจุบัน ทฤษฏี ควอนตัมกราวิตี้ กลับบอกนักฟิสิกส์ว่า
เวลาไม่มีความหมายเลย และแท้จริงแล้วเวลาอาจเป็นสิ่งที่ไม่มีจริงมาตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ!!

ความรู้ทางวิทยาศาสตร์บางทีก็วนกลับมาที่จุดเริ่มต้น
ทฤษฏีเรื่องแรงโน้มถ่วงก็ทำนองเดียวกัน
เดิมทีคนเราเชื่อว่าดวงดาวเป็นวัตถุบนสวรค์ที่ไร้ซึ่งน้ำหนักและมีคุณสมบัติแตกต่างจาก
วัตถุบนโลกโดยสิ้นเชิง
จนไอแซค นิวตันได้เสนอแนวคิดเรื่องแรงโน้มถ่วงมาประสานโลกกับสวรรค์เข้าด้วยกัน
ดวงดาวบนท้องฟ้าไม่ต่างไปจากก้อนหินที่ถูกแรงโน้มถ่วงดึงดูดไว้
และไอน์สไตล์คนเดิมได้เสนอแนวคิดเรื่องทฤษฏีสัมพันธภาพมองว่าอวกาศเกิดการโค้งงออย่างน่าพิศวง
ไม่จำเป็นต้องเข้าใจรายละเอียดทฤษฏีสัมพันธภาพได้กลืนแรงโน้มถ่วงให้หายไปในอวกาศอีกครั้ง
และปัจจุบัน บางทฤษฏีก็กลับมามองว่า แรงโน้มถ่วงมีอยู่จริงอีกรอบ!!

ศิลปะเองเมื่อเติบโตไปถึงระดับหนึ่งก็ซ้ำรอยไม่แพ้ประวัติศาสตร์
ภาพวาดในสมัยใหม่มักเน้นความเรียบง่ายและลดตัดทอนรูปแบบจนกลับไป
คล้ายภาพเขียนสมัยดึกดำบรรพ์
การออกแบบก็ก่อกำเนิดตึกรูปร่างเรียบๆ บ้างโชว์วัสดุปูนเปลือยไม่ต่างากพีระมิด
บทกลอนก็มีการละทิ้งสัมผัสกลายเป็นกลอนเปล่าที่กลับสู่ความบริสุทธิ์

คนเราก็เช่นกัน
เมื่อไปถึงที่สุดแห่งการเติบโตคือความชรา
เราจะกลับสู่สามัญเริ่มต้นคือการเป็นเด็กอีกครั้ง
ผู้เฒ่ามักมีธรรมชาติหลายอย่างคล้ายคลึงเด็กทารกจนน่าทึ่ง
ทั้งกระดูกที่ไม่แข๊งแรง การทรงตัวของร่างกายที่ไม่ดีนัก และการเคลื่อนไหวร่างกายที่ไม่คล่องแคล่ว

จะว่าไป
ระบบความคิดเป็นเหตุเป็นผลของมนุษย์มีการพัฒนาจนต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น
แต่ถ้าสุดยอดแห่งวิธีคิดด้วยเหตุผลคือ การไม่ใช้เหตุผลในการคิด
วันหนึ่งมนุษย์อาจวิวัฒนาการจนวิธีคิดด้วยเหตุผลตรรกะ ไม่เหลืออยู่ในเซลล์สมองเลย
แต่หันมาใช้สัญชาตญาณและสามัญสำนึกที่ไร้เหตุผลมาห่อหุ้มแทน

และเมื่อวันนั้นมาถึง อยากรู้เหมือนกันว่า
สุดยอดแห่งความไร้เหตุผลบนโลกที่มีแต่สัญชาตญาณและสามัญสำนึกนั้น
แท้จริงแล้วคือเหตุผลที่เราใช้กันทุกวันนี้รึเปล่า

ที่มา : http://www.thaireaderclub.com/read.php?id=911

ไม่มีความคิดเห็น: